สกรีนเสื้อแบบนูน คืออะไร ?

สกรีนเสื้อแบบนูน

สกรีนเสื้อแบบนูนคืออะไร ? ทำไมคนถึงนิยมเลือกใช้เทคนิคนี้ในการผลิตเสื้อยืดถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบเสื้อยืดที่มีลูกเล่นแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นลวดลายกราฟิกที่ดูโดดเด่น มีมิติ และสัมผัสได้จริง คุณอาจเคยเห็นหรือใส่เสื้อที่ผ่านการ “สกรีนเสื้อแบบนูน”  A Guide to Embossed and Debossed Printing Techniques มาแล้วโดยไม่รู้ตัว เทคนิคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การพิมพ์ลายบนผ้าเท่านั้น แต่เป็นศิลปะและเทคโนโลยีที่ถูกผสานกันอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะในกลุ่มเสื้อผ้าสั่งทำ แบรนด์แฟชั่น และสินค้าโปรโมชันที่ต้องการเพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ สำหรับร้านโฮชิ ที่อยู่ในวงการสกรีนมากว่า 10 ปี การสกรีนแบบนูนถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ยากแต่คุ้มค่าเมื่อทำออกมาสำเร็จ มันสามารถเปลี่ยนเสื้อธรรมดาให้กลายเป็นชิ้นงานศิลป์ และสิ่งที่ทำให้เทคนิคนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวคือ “พื้นผิว” ที่ดูมีชีวิต ไม่แบนราบ และยังสามารถเล่นกับแสงเงาได้อย่างสวยงามอีกด้วย

สกรีนเสื้อแบบนูน คือ

เป็นเทคนิค การสกรีนเสื้อ ที่ทำให้ลายสกรีนมีความหนาและนูนขึ้นมาจากเนื้อผ้าซึ่งจะต่างกับงาน สกรีนจม  ทำให้เกิดลวดลายที่มีมิติและโดดเด่น มักใช้กับงาน สกรีนเสื้อแฟชั่น หรือต้องการเน้นลวดลายให้ดูพิเศษ โดยทั่วไปแล้ว การสกรีนเสื้อแบบนูนจะใช้สีสกรีนชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดความนูนเมื่อโดนความร้อน โดยจะแบ่งออกได้เป็น 2 เทคนิคย่อยนั้นก็ คือ

การใช้สีสกรีนนูนโดยตรง

  • สีสกรีนชนิดนี้จะมีลักษณะข้น เมื่อสกรีนลงบนเสื้อแล้วจะมีความหนาในตัว หลังจากสกรีนเสร็จ จะต้องนำไปอบด้วยความร้อน เพื่อให้สีเกิดปฏิกิริยาและพองตัวขึ้น ทำให้ลายสกรีนนูน ความนูนที่ได้จะไม่สูงมากนัก แต่จะให้ผิวสัมผัสที่รู้สึกได้ถึงความหนา

การสกรีนแบบไฮเดน (High-Density)

  • เป็นเทคนิคการสกรีนขั้นสูงที่ให้ความนูนที่ชัดเจนและเป็นทรงมากกว่าสีนูนทั่วไป  ใช้วิธีการสกรีนหลายๆ ชั้นด้วยสีชนิดพิเศษ ลายสกรีนที่ได้จะมีความหนา นูน และคมชัดคล้ายกับงานสามมิติ
ข้อดีของการสกรีนเสื้อแบบนูน

 

ข้อดีของการสกรีนเสื้อแบบนูน

หลายคนอาจเข้าใจว่าการ สกรีนแบบนูน มีแค่เรื่องของความสวยงามหรือความแปลกใหม่ แต่ความจริงแล้วมันมีข้อดีเชิงลึกมากกว่านั้น โดยเฉพาะในแง่การสร้างความประทับใจครั้งแรกกับผู้ที่สวมใส่หรือแม้แต่ผู้พบเห็นในครั้งแรก ลวดลายที่นูนขึ้นจากผ้าช่วยกระตุ้นการรับรู้ทางสัมผัสและสายตาในทันที ซึ่งมีผลโดยตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เสื้อผ้าที่ใช้เทคนิคนี้มีความน่าสนใจมากกว่า เสื้อพิมพ์ลายธรรมดา

อีกหนึ่งข้อดีที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือ ความทนทานของลวดลาย เพราะหมึกที่ใช้ในการสกรีนแบบนูนมักมีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกร้าวง่ายเมื่อซักหรือยืดผ้า จึงเหมาะกับงานที่ต้องใช้งานหนัก เช่น เสื้อทีม เสื้อกีฬา หรือเสื้อสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นส่วนเสริมความรู้สึกของแบรนด์ได้ด้วย เช่น แบรนด์ที่ต้องการความพรีเมียม อาจเลือกสกรีนโลโก้แบบนูนเฉพาะจุด เพื่อสร้างจุดสนใจให้แบรนด์โดดเด่นเหนือคู่แข่ง

ความแตกต่างระหว่างสกรีนเสื้อแบบนูนกับเทคนิคสกรีนอื่น ๆ

ในการเลือกวิธีการสกรีนลายลงบนเสื้อผ้า หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อเทคนิคอื่น ๆ เช่น สกรีนแบบซิลค์สกรีน, DTG (Direct to Garment) , DTF (Direct to Film) , หรือแม้แต่การรีดร้อนแบบ Sublimation แต่เทคนิคสกรีนเสื้อแบบนูน มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ทำให้แยกออกจากเทคนิคอื่นได้อย่างชัดเจน และเหมาะกับงานเฉพาะทางบางประเภทที่ต้องการความหรูหรา ความรู้สึกพรีเมียม หรือมิติที่จับต้องได้

ในฐานะของเจ้าของร้าน HOSHI ที่คลุกคลีในวงการสกรีนเสื้อมาเกินกว่าสิบปี ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าแต่ละเทคนิคมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันอย่างไร โดยเทคนิคซิลค์สกรีนเหมาะกับงานจำนวนมาก ราคาถูก แต่ให้ลวดลายที่ราบแบนและไม่มีมิติ ส่วน DTG เหมาะกับงานภาพถ่ายหรือดีไซน์ที่มีสีหลายเฉดมาก แต่ก็ยังให้พื้นผิวที่ราบเรียบเช่นเดียวกัน ส่วน DTF เหมาะกับงานด่วนหรืองานที่มีรายละเอียดสูง แต่จะมีความรู้สึกพลาสติกบาง ๆ เคลือบบนผ้า ซึ่งบางครั้งอาจไม่เป็นธรรมชาติเมื่อสวมใส่

ตรงกันข้ามกับเทคนิคเหล่านี้ การสกรีนนูน เน้นที่ “พื้นผิว” และ “ความรู้สึก” เมื่อสัมผัส มันไม่ได้แค่ดูดีในสายตา แต่ยังสัมผัสได้ผ่านนิ้วมือ นี่เป็นข้อได้เปรียบที่มักทำให้แบรนด์แฟชั่นพรีเมียมหรือเสื้อของขวัญเลือกใช้วิธีนี้ในการสร้างความรู้สึกหรูหราและโดดเด่นไม่เหมือนใคร

ความแตกต่างระหว่างสกรีนเสื้อแบบนูนกับเทคนิคสกรีนอื่น

สกรีนเสื้อแบบนูนเหมาะกับผ้าแบบไหนที่สุด ?

แม้เทคนิคนี้จะมีความโดดเด่น แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ เช่น สกรีนเสื้อแบบนูน ไม่เหมาะกับผ้าที่มีผิวขรุขระหรือมีความยืดหยุ่นสูงเกินไป เพราะจะทำให้ลวดลายผิดรูป หรือในกรณีที่ต้องซักบ่อย เช่น เสื้อทำงานที่ใช้ทุกวัน อาจต้องเลือกรูปแบบลวดลายให้เหมาะสม ไม่ควรออกแบบให้ลายนูนหนาหรือใหญ่มากเกินไป

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ลูกค้ามักถามเสมอเมื่อพูดถึงสกรีนแบบนูนก็คือ สกรีนใช้กับผ้าอะไรได้บ้าง?” คำตอบจากประสบการณ์ตรงคือ ผ้าที่เหมาะที่สุดสำหรับการสกรีนเสื้อแบบนูนคือผ้าที่มีพื้นผิวเรียบ เช่น ผ้าคอตตอน 100% ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าที่ผสมระหว่างทั้งสองชนิดนี้ในอัตราส่วนที่สมดุล เพราะผ้าเหล่านี้ช่วยให้หมึกยึดเกาะได้ดีและทำให้ลวดลายพองตัวขึ้นอย่างชัดเจน

เทคนิคดูแลรักษาเสื้อที่ผ่านการสกรีนแบบนูนให้อยู่ได้นาน

การดูแลเสื้อที่ผ่านการ สกรีนแบบนูน ควรใส่ใจมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในเรื่องการซักและการตาก ควรซักด้วยมือหรือใช้ถุงซักผ้าหากต้องการซักด้วยเครื่อง หลีกเลี่ยงการขยี้บริเวณที่สกรีนอย่างแรง รวมถึงหลีกเลี่ยงการรีดทับลวดลายโดยตรง เพราะความร้อนจากเตารีดอาจทำให้หมึกเสียรูปทรงและลดความนูนลงได้

 

ราคาสกรีนเสื้อแบบนูน

ราคาของการ สกรีนแบบนูน ไม่ได้แพงเสมอไป แต่ต้องเข้าใจว่ามีต้นทุนแฝงอยู่หลายอย่าง เช่น ค่าแรงของช่างสกรีนที่มีความเชี่ยวชาญสูง ค่าวัสดุพิเศษอย่างหมึกพอง และเครื่องอบความร้อนที่ต้องใช้ควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีค่าเสียโอกาสในกรณีที่สกรีนพลาด ซึ่งเทคนิคนี้ไม่สามารถลอกออกหรือแก้ไขได้ง่าย ๆ เหมือนเทคนิคอื่น เพราะพื้นผิวที่พองตัวขึ้นมานั้นจะติดถาวรกับผ้าเลยโดยค่าสกรีนแบบนี้จะมีราคาแพงกว่าการสกรีนบล็อคทั่วไปประมาณจุดละ 5-20 บาทเท่านั้นเองขึ้นอยู่กับสีที่ใช้และจำนวนการผลิต ถือว่าเป็นต้นทุนเพิ่มมาไม่มากเลย

วิธีเลือกโรงงานหรือร้านสกรีนเสื้อแบบนูนที่ไว้วางใจได้

ประสบการณ์ตรงของร้าน HOSHI KAIZEN ในการสกรีนเสื้อแบบนูนให้ลูกค้ามานาน ทำให้รู้ว่าไม่ใช่ทุกร้านจะสามารถทำเทคนิคแบบนูนได้ดี ต้องเลือกจากร้านที่มีเครื่องมือเฉพาะทาง มีตัวอย่างงานให้ดูจริง และเข้าใจคุณสมบัติของผ้าและหมึกที่ใช้ หากเป็นไปได้ ควรขอดูสินค้าตัวอย่างก่อนผลิตจำนวนมาก และพิจารณารีวิวหรือผลงานจากลูกค้าเก่า

ปรึกษางานสกรีน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *