เครื่องพิมพ์ DFT (Direct to Film) กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในกลุ่มนักออกแบบ เจ้าของธุรกิจเสื้อยืด และแม้แต่ผู้ผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ขนาดเล็ก รวมไปถึงผู้ประกอบการ ร้านสกรีนเสื้อ เครื่องพิมพ์ DFT ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบการทำงานจากระบบเดิม ๆ ได้อย่างชัดเจน ด้วยกระบวนการที่เน้นความง่าย ความคมชัดของลายพิมพ์ และความสามารถในการใช้งานกับผ้าหลากหลายชนิด ที่ในอดีตอาจไม่สามารถพิมพ์ลายได้โดยตรง เทคนิค DFT มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับระบบ Silk Screen ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด งานสกรีนแบบ DFT นั้น ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ลงบนฟิล์ม และตามด้วยการรีดลายลงบนเนื้อผ้า ทำให้สามารถนำไปใช้งานได้กับผ้าหลายประเภท ทั้งผ้าฝ้าย 100%, ผ้าโพลีเอสเตอร์, ผ้าผสม และผ้าเนื้อเรียบชนิดอื่น ๆ เป็นจุดเด่นที่เหนือว่า DTG อย่างเห็นได้ชัด
เครื่องพิมพ์ DFT จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของ “คุณภาพงานพิมพ์” ที่มีความคมชัดสูงมาก แม้จะเป็นลวดลายที่มีความซับซ้อน เช่น การไล่เฉดสี ลายกราฟิกที่มีรายละเอียดมาก หรือภาพถ่ายแบบเต็มสี การใช้หมึกพิมพ์เฉพาะสำหรับ DFT ที่ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสูง และไม่แตกเมื่อติดลงบนเนื้อผ้า ทำให้ผลงานที่ได้ดูน่าสนใจ และมีคุณภาพสูง เหมาะกับเสื้อผ้าที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ระดับพรีเมียม
อีกหนึ่งจุดเด่นที่หลายคนมองว่าเป็นข้อได้เปรียบคือความยืดหยุ่นของระบบการพิมพ์ เพราะการพิมพ์ DFT นั้นสามารถทำลายพิมพ์ลงบนฟิล์มได้ก่อน แล้วค่อยนำไปรีดลงบนผ้า ด้วยเหตุนี้จึงสามารถสต็อกลายพิมพ์ไว้ก่อน แล้วนำมาใช้ในภายหลังได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องผลิตแบบเรียลไทม์อย่างระบบ DTG หรือ Silk Screen ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการบริหารเวลาผลิตให้อยู่ในกรอบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หรือเน้นระบบพรีออเดอร์ที่สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างแม่นยำ
และสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่องของต้นทุน เครื่องพิมพ์ DFT ไม่ต้องใช้สารเคมีเตรียมผ้าหรือระบบบำรุงรักษาที่ซับซ้อนเหมือนเครื่องพิมพ์บางชนิด ทำให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนเบื้องต้นที่จับต้องได้มากกว่า และยังสามารถควบคุมต้นทุนต่อชิ้นได้ง่ายกว่าระบบอื่น
เครื่องอบฟิล์ม DFT ตัวช่วยสำคัญที่หลายคนมองข้าม
ในกระบวนการพิมพ์ DFT เครื่องอบฟิล์ม DFT ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้ตัวเครื่องพิมพ์เลยแม้แต่น้อย หลายคนมักคิดว่าแค่พิมพ์ลงบนฟิล์มแล้วรีดลงผ้าก็จบ แต่ในความจริง กระบวนการนี้มีความละเอียดอ่อนมาก เพราะต้องมีการ “โรยผงกาว” (adhesive powder) ลงบนหมึกพิมพ์ก่อน และนำไปอบให้ผงกาวละลายและเคลือบลงบนลายพิมพ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อความคงทนและคุณภาพของลายสกรีนโดยตรง
การใช้ เครื่องอบฟิล์ม DFT ที่ได้มาตรฐาน จะช่วยให้กระบวนการนี้มีความเสถียรและสม่ำเสมอ เพราะเครื่องอบสามารถควบคุมอุณหภูมิ ความเร็ว และเวลาอบได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงที่ผงกาวจะละลายไม่ทั่ว หรือเกิดฟองอากาศที่ทำให้ลายพิมพ์หลุดลอกในภายหลัง เครื่องอบฟิล์มยังช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดจากการทำงานแบบแมนนวล โดยเฉพาะเมื่อมีการผลิตจำนวนมาก หรือต้องการควบคุมคุณภาพอย่างมืออาชีพ สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ การเลือกเครื่องอบฟิล์ม DFT ที่มีระบบควบคุมอัตโนมัติจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ด้านเทคนิคสูงก็สามารถผลิตงานได้คุณภาพเทียบเท่าระบบโรงงานในราคาที่จับต้องได้
เครื่อง DFT/DTF ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อ
เมื่อพิจารณาจะลงทุนกับ เครื่องพิมพ์ DFT และ เครื่องอบฟิล์ม DFT ปัจจัยแรกที่ควรคำนึงถึงคือ “ลักษณะของธุรกิจ” หากเป็นธุรกิจที่เน้นผลิตงานสกรีนตามออเดอร์ มีลายพิมพ์หลากหลาย และต้องการความยืดหยุ่น เครื่องพิมพ์ DFT ถือเป็นคำตอบที่ลงตัวมาก แต่ถ้าธุรกิจต้องการผลิตล็อตใหญ่แบบเดิม ๆ ที่ลายพิมพ์เหมือนกันทุกตัวในจำนวนมาก อาจยังสามารถใช้ระบบ Silk Screen ได้อยู่ในบางกรณีที่เน้นประหยัดหมึกต่อชิ้น
สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของคุณภาพอุปกรณ์ ผู้ใช้งานควร เลือกซื้อเครื่องพิมพ์ DFT ที่รองรับความละเอียดสูง (เช่น 1440 DPI ขึ้นไป) เพื่อให้ได้งานพิมพ์ที่คมชัด และมีสีสันสดใสเหมือนในแบบต้นฉบับ ขณะเดียวกัน ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เครื่องอบฟิล์ม DFT ที่เลือกใช้สามารถทำงานร่วมกับผงกาวได้ดี มีระบบการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ และมีความจุเพียงพอต่อการผลิตในแต่ละรอบ
อีกปัจจัยสำคัญคือการดูแลรักษาและการจัดหาหมึกพิมพ์หรือฟิล์มที่ใช้กับ เครื่อง DFT เพราะวัสดุสิ้นเปลืองเหล่านี้จะต้องมีคุณภาพสม่ำเสมอเพื่อรักษาคุณภาพของงานพิมพ์ในระยะยาว และควรมีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ในระยะยาวด้วยเช่นกัน
ต้นทุนการพิมพ์ของเครื่อง DFT (Direct to Film)
ต้นทุนการพิมพ์ของเครื่อง DFT (Direct to Film) เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้เริ่มต้นและเจ้าของธุรกิจงานพิมพ์เสื้อควรเข้าใจอย่างละเอียด เนื่องจากจะมีผลต่อการตั้งราคาขาย กำไร และการวางแผนลงทุนในระยะยาว โดยต้นทุนการพิมพ์ DFT จะประกอบด้วยหลายส่วน ดังนี้
1. ต้นทุนหมึกพิมพ์ (Ink Cost)
หมึกพิมพ์ DFT มีราคาสูงกว่าหมึกพิมพ์ทั่วไป เช่น หมึก Sublimation หรือ Inkjet โดยหมึกที่ใช้จะประกอบด้วย CMYK + White ซึ่งหมึกสีขาวจะใช้มากกว่าสีอื่นเพราะต้องพิมพ์เป็นพื้นก่อนทำ Overlay บนผ้า
- โดยเฉลี่ยต้นทุนหมึกต่อชิ้นจะอยู่ที่ 5–15 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดงานพิมพ์และความหนาของหมึก
- ถ้างานมีขนาด A4 เต็ม จะใช้หมึกมากกว่า A5 หรือโลโก้เล็ก ๆ
2. ต้นทุนฟิล์ม DFT (Film Cost)
ฟิล์มที่ใช้พิมพ์มีราคาประมาณ 5–8 บาทต่อแผ่น A4 และจะสูงกว่านี้หากใช้ขนาด A3 หรือฟิล์มแบบรีดซ้ำได้
- ฟิล์มคุณภาพดีมีผลต่อความคมชัดและความทนทานของงานพิมพ์
3. ต้นทุนผงกาว (Adhesive Powder)
เป็นส่วนที่ใช้หลังจากพิมพ์เสร็จแล้ว ต้องโรยผงกาวบนหมึกเพื่อให้สามารถยึดติดกับเนื้อผ้าได้เมื่อรีดร้อน
- ผงกาวมีต้นทุนประมาณ 0.50–1.50 บาทต่อชิ้น ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้
- หากโรยเกินจำเป็น จะเปลืองและอาจทำให้เนื้องานแข็งเกินไป
4. ต้นทุนพลังงานไฟฟ้า
การใช้เครื่องพิมพ์ DFT และเครื่องอบฟิล์มจะมีการใช้ไฟฟ้า ทั้งในส่วนของพิมพ์ อบ และรีด
- โดยเฉลี่ยจะมีต้นทุนไฟฟ้า 1–3 บาทต่อชิ้น
- หากใช้เตาอบที่ประหยัดพลังงาน หรือตั้งเวลาได้แม่นยำ จะช่วยลดต้นทุนระยะยาว
5. ต้นทุนค่าแรงและเวลา
แม้ DFT จะใช้งานง่าย แต่ในกรณีที่ผลิตจำนวนมาก อาจต้องมีแรงงานในการโรยกาว อบ และรีด
- ถ้าทำเองในช่วงเริ่มต้น ค่าแรงอาจไม่คิด
- แต่หากจ้างหรือขยายทีม อาจคิดต้นทุนเฉลี่ย 2–5 บาทต่อชิ้น
✅ เฉลี่ย 22 บาทต่อชิ้น/ตัว โดยประมาณ ราคานี้เป็นต้นทุนสำหรับลาย A4 บนเสื้อ 1 ตัว หากเป็นงานขนาด A3 หรือใหญ่กว่าและมีลูกเล่นเพิ่มเติม เช่น กลิตเตอร์ สีสะท้อนแสง อาจเพิ่มเป็น 30–80 บาท ต่อชิ้น
ข้อดีและข้อจำกัดของระบบ DFT ที่ควรรู้
การเลือกใช้ระบบ DFT ไม่ได้มีแต่ข้อดีเพียงอย่างเดียว แม้จะมีความยืดหยุ่นและใช้งานง่าย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ผู้เริ่มต้นควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ ระบบนี้อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นของเนื้อผ้าหลังพิมพ์มากนัก เพราะแม้ว่า หมึก DFT จะมีความยืดหยุ่นสูง แต่เมื่อเทียบกับงานพิมพ์ที่แทรกลงในเส้นใยแบบ DTG ยังให้ความรู้สึกที่แข็งและหนากว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อพิมพ์ลายขนาดใหญ่
นอกจากนี้ การโรยผงกาวและการควบคุมอุณหภูมิในการอบยังต้องอาศัยความใส่ใจพอสมควร หากอบไม่ทั่ว อุณหภูมิต่ำเกินไป หรืออบไวเกินไป ก็อาจส่งผลให้ลายพิมพ์ติดผ้าไม่สนิท หรือเกิดปัญหาในการซักซ้ำหลาย ๆ ครั้งได้เช่นกัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องเรียนรู้และทดลองอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอที่สุด
แต่หากวางแผนอย่างถูกต้องและเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม การเริ่มต้นใช้เครื่องพิมพ์ DFT และ เครื่องอบฟิล์ม DFT สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นในแง่ความเร็วในการผลิต ความหลากหลายของแบบ หรือการรองรับงานพิมพ์ในยุคที่ลูกค้าต้องการความเฉพาะตัวมากขึ้นทุกวัน
เครื่องพิมพ์ DFT และแนวโน้มในอนาคต
เมื่อมองจากมุมของ ร้านสกรีนเสื้อโฮชิ ที่ทำงานในวงการนี้มาหลายปี เราจะพบว่า เครื่องพิมพ์ DFT ไม่ได้เป็นแค่กระแสเทคโนโลยีชั่วคราว แต่มันคือโอกาสใหม่ของวงการสกรีนเสื้อ ที่เปิดประตูให้กับทั้งมือใหม่และมืออาชีพได้มีพื้นที่สร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่าง ในอดีตใครจะคิดว่าเราจะสามารถสกรีนลายภาพถ่ายลงบนผ้าสีเข้มได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องเตรียมผ้าด้วยสารเคมี ไม่ต้องทำบล็อก หรือแม้แต่ไม่ต้องพิมพ์ซ้ำหากสินค้าขายดี เราสามารถเก็บฟิล์มไว้ แล้วรีดซ้ำได้ตามออเดอร์ที่เข้ามาในแต่ละวัน
แน่นอนว่า เครื่องพิมพ์ DFT ยังต้องพัฒนาต่อไป เช่น เรื่องความเร็วในการพิมพ์หรือระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจที่โตเร็ว เรามั่นใจว่าเครื่องพิมพ์ DFT และเครื่องอบฟิล์ม DFT จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้อีกหลายคนมีโอกาสสร้างธุรกิจของตัวเองได้อย่างมั่นคงในโลกยุคใหม่ที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สกรีน DFT ดีไหม ?