การ สกรีนเสื้อ ผ้าเราจำเป็นต้องทราบก่อนว่า ผ้าแบบไหนสกรีนไม่ได้ ? หรือ ผ้าชนิดไหนสามารถนำไปสกรีนได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเสื้อยืดลายเฉพาะตัว เสื้อพนักงานบริษัท หรือ เสื้อทีมกีฬา กิจกรรมองค์กรต่าง ๆ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่มักถูกมองข้ามแต่กลับมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของงานพิมพ์คือ “ชนิดของผ้า” ที่ใช้ แม้ว่าการพิมพ์สกรีนจะเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมาอย่างยาวนาน เนื่องจากให้สีสันที่สดใส ความคมชัดสูง และความสามารถในการปรับแต่งลวดลายได้ตามต้องการ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกประเภทของผ้าจะสามารถพิมพ์ลวดลายลงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกัน เพราะแท้จริงแล้ว ผ้าบางชนิดนั้น “ไม่เหมาะสม” หรือ “ไม่สามารถ” ใช้กับการพิมพ์สกรีนได้เลย และการเลือกใช้ผ้าที่ไม่ถูกต้องนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหามากมายตามมา ตั้งแต่ลวดลายที่ซีดจาง หมึกแตกร้าว ไปจนถึงการหลุดลอกของหมึกหลังการซักเพียงไม่กี่ครั้งโดยบทความนี้เราจะพูดถึง เทคนิคการสกรีนบล็อก (Silkscreen) ว่าผ้าแบบไหนที่ไม่เหมาะกับการสกรีนด้วยเทคนิคนี้
ทำไมผ้าบางชนิดถึงไม่สามารถสกรีนได้ ?
การสกรีนเสื้อ ไม่ใช่เพียงแค่เลือกลายสวย ๆ แล้วพิมพ์ลงบนผ้าเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของผ้าด้วย เพราะผ้าแต่ละประเภทมีปฏิกิริยากับหมึกพิมพ์ไม่เหมือนกัน การเข้าใจว่าผ้าประเภทใดที่ไม่ควรนำมา พิมพ์สกรีน ไม่เพียงแต่ช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหายและความผิดหวังเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดทั้งเวลา ต้นทุน และแรงงานในการผลิตอีกด้วย เรามาเริ่มต้นสำรวจจากพื้นฐานก่อนว่าทำไมผ้าบางชนิดจึงไม่สามารถนำมา พิมพ์สกรีน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วจึงค่อยลงลึกถึงประเภทของผ้าที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมกับทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการ สกรีนเสื้อในเชิงพาณิชย์และ งานออกแบบเฉพาะบุคคล รวมสาเหตุที่ผ้าบางชนิดไม่สามารถสกรีนได้ คือ
- ความสามารถในการดูดซับหมึก หมึกพิมพ์สกรีน เช่น หมึกน้ำ หรือหมึกพลาสติซอล ต้องการผ้าที่สามารถดูดซึมหมึกหรือยึดเกาะบนผิวผ้าได้ดี หากผ้ามีผิวลื่นหรือไม่ซึมซับ หมึกจะไม่ติดทนนาน
- การยืดหยุ่นของเนื้อผ้า หากผ้ามีความยืดหยุ่นมากเกินไป หมึกที่พิมพ์ลงไปอาจแตกร้าวหรือหลุดลอกเมื่อผ้ายืดและคืนรูป
- ความไวต่ออุณหภูมิ หมึกพิมพ์บางชนิดต้องอบด้วยความร้อน หากผ้ามีจุดหลอมเหลวต่ำ จะทำให้ผ้าบิดงอหรือไหม้ได้
ผ้าแบบไหนสกรีนไม่ได้บ้าง ?
การเลือกผ้าสำหรับการ สกรีนเสื้อ ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะกำหนดคุณภาพ ความคงทน และความสวยงามของงานพิมพ์ที่ออกมาได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไปแล้ว เทคนิคการสกรีนเสื้อ (Silkscreen) จะเหมาะกับผ้าฝ้ายหรือผ้าผสมที่มีพื้นผิวเรียบและสามารถดูดซับหมึกได้ดี อย่างไรก็ตาม ยังมีผ้าบางชนิดที่ไม่เหมาะกับการพิมพ์สกรีน ไม่ว่าจะด้วยคุณสมบัติทางกายภาพ หรือปฏิกิริยากับหมึกที่ใช้ ส่งผลให้งานพิมพ์ที่ออกมาอาจไม่ติดทนนาน สีเพี้ยน ลอกง่าย หรือเสียรูปทรงได้ ซึ่งทาง ร้านสกรีนเสื้อโฮชิ ที่มีประสบการณ์ด้านงานพิมพ์มากกว่าสิบปี พบเจอปัญหาเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง และได้รวบรวมผ้าประเภทที่ไม่เหมาะกับการสกรีนไว้เพื่อเป็นความรู้สำหรับลูกค้าและผู้ที่สนใจในงานด้านนี้ ต่อไปนี้คือรายละเอียดของผ้าที่ไม่เหมาะกับการพิมพ์สกรีน โดยเรียงตามปัญหาที่พบได้บ่อย
- ผ้าไนลอน (Nylon) ผ้าชนิดแรกที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดคือผ้าไนลอน (Nylon) ถึงแม้ผ้าไนลอนจะมีความเบา ยืดหยุ่น และแห้งเร็ว แต่ปัญหาหลักคือพื้นผิวของผ้าเรียบลื่นจนเกินไป ทำให้หมึกสกรีนไม่สามารถยึดเกาะได้ดี เมื่อสกรีนลงไปแล้วหมึกจะลอยอยู่บนผิวผ้า ไม่ซึมเข้าไปในเส้นใย ส่งผลให้สีหลุดลอกได้ง่ายมาก และหากใช้ความร้อนเพื่อช่วยยึดเกาะก็อาจทำให้ผ้าละลายหรือเสียรูปทรง เนื่องจากไนลอนมีจุดหลอมเหลวต่ำ เป็นผ้าที่ไวต่อความร้อน นอกจากนี้ยังมักจะมีสารเคลือบกันน้ำหรือสารกันรอยเปื้อนที่ยิ่งเพิ่มความยากในการสกรีนลงไปอีกหลายเท่า
- ผ้าโพลีเอสเตอร์กันน้ำ / ระบายเหงื่อ มีคุณสมบัติกันน้ำหรือระบายเหงื่อดีเยี่ยม ผ้าประเภทนี้มักใช้ในชุดกีฬา เสื้อวิ่ง หรือเสื้อฟิตเนสต่าง ๆ ถึงแม้จะมีผิวสัมผัสคล้ายผ้าฝ้ายบางรุ่น แต่โครงสร้างเส้นใยของโพลีเอสเตอร์ไม่สามารถดูดซับน้ำหรือหมึกพิมพ์ได้ดี หมึกที่สกรีนลงไปจึงแห้งช้า เกาะไม่แน่น และเมื่อผ่านการซักไม่กี่ครั้งก็จะเริ่มหลุดลอก ยิ่งไปกว่านั้น การสกรีนลงบนผ้าโพลีเอสเตอร์ที่มีเทคโนโลยีระบายเหงื่อ (เช่น Dri-FIT หรือ COOLMAX) ยังเจอปัญหาหมึก “เบิร์น” คือเปลี่ยนสีหรือเกิดรอยไหม้จากความร้อนที่ใช้ในการอบหมึกให้แห้ง ปัญหาเหล่านี้ทำให้ร้านสกรีนมักเลี่ยงการรับงานสกรีนลงบนผ้าประเภทนี้ เว้นแต่จะใช้วิธีการพิมพ์ชนิดพิเศษ เช่น sublimation , DFT หรือ heat transfer แทน
- ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex) อีกหนึ่งผ้าที่ไม่เหมาะสำหรับการพิมพ์สกรีนคือผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อผ้ายืดสี่ทิศทาง โดยเฉพาะในเสื้อผ้าออกกำลังกาย โยคะ หรือชุดว่ายน้ำ แม้จะมีความยืดหยุ่นสูงและสวมใส่สบาย แต่คุณสมบัตินี้เองกลับทำให้หมึกที่พิมพ์ลงไปไม่สามารถยึดติดกับผ้าได้ดีพอ เมื่อยืดผ้าแล้ว หมึกสกรีนอาจแตกเป็นเส้น ๆ หรือหลุดออกจากผ้าเลยทันที อีกทั้งผ้าสแปนเด็กซ์มักจะมีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์หรือไนลอนอยู่ด้วย จึงส่งผลให้เจอปัญหาเดียวกันเรื่องการไม่ดูดซึมหมึก การละลายจากความร้อน และการเสื่อมสภาพของสีพิมพ์หลังการซักล้าง นอกจากนี้ยังไม่สามารถรีดหรือใช้อุณหภูมิสูงในการเซ็ตหมึกได้อย่างที่ทำกับผ้าฝ้ายทั่วไป จึงยิ่งเป็นข้อจำกัดในการทำให้งานสกรีนบนผ้าชนิดนี้ออกมาได้ไม่สมบูรณ์
- ผ้าขนแกะ (Fleece) ก็เป็นอีกตัวอย่างที่ไม่เหมาะกับงานสกรีน โดยทั่วไปผ้าขนแกะมักใช้ทำเสื้อกันหนาวหรือแจ็คเก็ต มีพื้นผิวที่นุ่มและเป็นขนฟู ซึ่งขัดขวางการเกาะตัวของหมึกพิมพ์ แม้ว่าหมึกจะสามารถพิมพ์ลงไปได้ในระดับหนึ่ง แต่เส้นขนของผ้าจะดูดซับหมึกไม่สม่ำเสมอ ทำให้สีดูไม่ชัดเจน หรือกลายเป็นรอยด่าง ๆ ได้ อีกทั้งผ้าชนิดนี้มีความยืดหยุ่นและหนา เมื่อสวมใส่หรือซักบ่อย ๆ พื้นที่พิมพ์จะบิดเบี้ยวและหมึกอาจหลุดออกมาทั้งชิ้นในที่สุด แม้จะสามารถใช้เทคนิคอื่น เช่น การปัก หรือการติดแผ่นเฟล็กซ์ลงไปได้ แต่การสกรีนโดยตรงบนผ้าขนแกะนั้นไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมเลย
- ผ้าคอร์ดูรอย/ผ้าหนาแบบมีร่อง หรือผ้าหนาแบบมีร่อง ซึ่งมีพื้นผิวขรุขระเป็นเส้นทางยาวตามแนวผ้า ปัญหาคือเส้นร่องเหล่านี้ทำให้หมึกไม่สามารถเกาะได้สม่ำเสมอ เส้นสีจะขาดตอน หรือกระจายตัวไม่เป็นรูปตามแบบพิมพ์ โดยเฉพาะกับลายเล็ก ๆ หรือลายที่ต้องการความละเอียดสูง หมึกจะไหลลงไปตามร่องของผ้า ทำให้ลายที่พิมพ์เสียรูปหรือดูสกปรกได้ง่าย และผ้าคอร์ดูรอยยังมักมีความหนา เมื่อนำไปอบหมึกจะต้องใช้เวลานานขึ้น ซึ่งอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายหรือเปลี่ยนสีได้ง่าย ดังนั้นผ้าประเภทนี้จึงเหมาะกับการตกแต่งโดยใช้การปักมากกว่า การพิมพ์สกรีนโดยตรง
ผ้าแบบไหนจึงเหมาะกับการสกรีนเสื้อ ?
เนื้อผ้าแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะที่ส่งผลต่อการยึดเกาะของหมึก ความทนทานหลังการซัก และความรู้สึกขณะสวมใส่ ซึ่งหากเลือกผ้าได้เหมาะสมกับเทคนิคการพิมพ์ ก็จะช่วยให้เสื้อพิมพ์ลายมีคุณภาพสูงและดูเป็นมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย โดยจากประสบการณ์ของ ร้านสกรีนเสื้อโฮชิ ผ้าประเภทที่เหมาะกับการพิมพ์สกรีนมากที่สุดมีอยู่ด้วยกันสามประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ
ผ้าฝ้าย 100% (Cotton)
เนื่องจากมีเส้นใยจากธรรมชาติที่ สามารถดูดซึมหมึกพิมพ์ได้ดีมาก ทำให้เม็ดสีที่พิมพ์ลงไปนั้นชัดเจน ติดแน่น และทนต่อการซักล้างได้เป็นอย่างดี พื้นผิวของ ผ้าฝ้าย ยังมีความเรียบในระดับที่เหมาะสม ไม่ลื่นจนหมึกไหล หรือหยาบจนทำให้ลายพิมพ์แตก ทำให้สามารถพิมพ์ลวดลายที่มีรายละเอียดมาก ๆ ได้โดยไม่เสียรูป นอกจากนี้ ผ้าฝ้ายยังสามารถทนความร้อนจากการอบหมึกได้ดีโดยไม่เสียรูปทรงหรือเปลี่ยนสี จึงเหมาะกับการพิมพ์แบบใช้ความร้อน เช่น การสกรีนแบบอบด้วยฮีตเพรสหรืออบหมึกด้วยเตาอบผ้า ความสามารถในการระบายอากาศของผ้าฝ้ายยังทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็นสบาย เหมาะกับการผลิตเสื้อยืดทั่วไป เสื้อทีม เสื้อแฟชั่น และเสื้อของที่ระลึกในงานต่าง ๆ แม้ต้นทุนของผ้าฝ้ายแท้จะสูงกว่าผ้าชนิดอื่นเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากคุณภาพของงานสกรีนแล้วถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง
ผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ (TC)
ในกรณีที่ต้องการลดต้นทุนหรือเพิ่มคุณสมบัติบางอย่าง เช่น ลดการยับตัวของผ้า หรือทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น ผ้าฝ้ายผสมโพลีเอสเตอร์ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากในวงการสกรีนเสื้อ โดยทั่วไปจะใช้สัดส่วนผสมที่ประมาณ 65% Cotton และ 35% Polyester หรือในบางกรณีอาจเป็นแบบ 50/50 ผ้าประเภทนี้ยังคงมีคุณสมบัติที่ดีในการดูดซึมหมึก แต่จะไม่เทียบเท่ากับผ้าฝ้ายแท้ 100% หมึกอาจไม่ติดแน่นเท่ากัน แต่ก็ยังถือว่าติดได้ในระดับที่น่าพอใจ เหมาะกับงานสกรีนที่ไม่ได้ต้องการความละเอียดสูงมากนัก เช่น เสื้อกิจกรรม เสื้อแจก เสื้อยูนิฟอร์มของพนักงาน หรือเสื้อแฟชั่นทั่วไปที่เน้นปริมาณการผลิตเป็นหลัก ผ้าชนิดนี้ยังยับยาก ซักง่าย แห้งเร็ว และไม่หดตัวมากหลังการอบหมึก จึงช่วยให้ควบคุมคุณภาพในการผลิตได้ดีขึ้นด้วย
ผ้าไตรเบลนด์ (Tri-blend)
สำหรับผู้ที่ต้องการเสื้อยืดที่มีลุคพิเศษมากขึ้น ทั้งในเรื่องของสัมผัสและรูปลักษณ์ภายนอก ผ้าไตรเบลนด์ (Tri-blend) ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ผ้าชนิดนี้คือการผสมกันระหว่างเส้นใยสามชนิด ได้แก่ Cotton, Polyester และ Rayon โดยทั่วไปจะมีสัดส่วนผสมประมาณ 50% Cotton, 25% Polyester และ 25% Rayon ข้อดีของไตรเบลนด์คือให้ความรู้สึกนุ่มพิเศษเมื่อสัมผัส ใส่สบายมาก และมีน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับทำเสื้อยืดแฟชั่นที่เน้นความเรียบหรูหรือเสื้อแนววินเทจ ตัวเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่นและเงาเล็กน้อย ทำให้ลุคของเสื้อดูน่าสนใจแตกต่างจากผ้าธรรมดา และเมื่อพิมพ์ลวดลายลงไปแล้ว แม้ความคมชัดของสีจะไม่จัดจ้านเท่าผ้าฝ้ายแท้ แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่กลมกลืน มีความคลาสสิก และเป็นธรรมชาติ เหมาะกับงานออกแบบที่เน้นโทนสีพาสเทลหรือการเล่นเฉดสีแบบไล่ระดับ นอกจากนี้ยังทนการซักและไม่ยับง่าย จึงได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดเสื้อยืดคุณภาพระดับกลางถึงพรีเมียม
วิธีทดสอบผ้าแบบไหนสกรีนไม่ได้บ้าง ?
ในการผลิต เสื้อพิมพ์ลาย หรือ เสื้อสกรีน หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดและมักถูกมองข้ามโดยผู้เริ่มต้นหรือผู้สั่งผลิตทั่วไปคือการตรวจสอบคุณสมบัติของผ้าก่อนนำเข้าสู่กระบวนการสกรีน หากละเลยขั้นตอนนี้ไป อาจส่งผลให้งานพิมพ์สกรีนที่ออกมาไม่ได้คุณภาพ สีซีดเร็ว หมึกหลุดง่าย หรือไม่สามารถพิมพ์ได้เลยจนต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายและเวลาโดยใช่เหตุ ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่าผ้าที่เลือกมานั้นเหมาะสมกับเทคนิคการพิมพ์ที่ต้องการ โดยเฉพาะงาน พิมพ์สกรีน (Silkscreen) ซึ่งเป็นเทคนิคยอดนิยมที่ต้องการคุณภาพของผ้าในระดับหนึ่ง การตรวจสอบผ้าเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
- วิธีที่ง่ายและสามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษคือการทดสอบการดูดซึมของผ้า โดยการหยดน้ำสะอาดเล็กน้อยลงบนผ้าแล้วสังเกตพฤติกรรมของหยดน้ำ ถ้าน้ำซึมเข้าสู่เนื้อผ้าได้อย่างรวดเร็วโดยไม่กลิ้งหรือลอยอยู่บนผิวนาน แสดงว่าเนื้อผ้ามีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี ซึ่งมักจะเป็นสัญญาณว่าเหมาะสมกับการพิมพ์หมึกประเภทสกรีน เพราะเส้นใยของผ้าจะสามารถรับและกักเก็บหมึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากน้ำยังคงกลิ้งอยู่บนผ้า หรือซึมช้ามาก นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าผ้าถูกเคลือบสารกันน้ำหรือมีส่วนประกอบของเส้นใยสังเคราะห์สูง เช่น โพลีเอสเตอร์หรือไนลอน ซึ่งเป็นเนื้อผ้าที่หมึกสกรีนเกาะยากและอาจลอกหลุดหลังพิมพ์ไม่นาน
- นอกจากนี้ ควรตรวจสอบป้ายหรือฉลากที่ติดมากับผ้าหรือเสื้อ เพื่อดูส่วนประกอบของเนื้อผ้าอย่างละเอียด ป้ายเหล่านี้มักจะระบุไว้ชัดเจนว่าทำจากเส้นใยอะไร เช่น Cotton 100%, Polyester 65% + Cotton 35%, Nylon หรือ Spandex การอ่านป้ายนี้จะช่วยให้ทราบได้ทันทีว่าผ้าที่เรากำลังจะนำไปพิมพ์นั้นมีองค์ประกอบที่เหมาะกับการพิมพ์หรือไม่ หากพบว่ามีส่วนประกอบของไนลอน โพลีเอสเตอร์ในสัดส่วนสูง หรือเป็นผ้าแบบระบายเหงื่อ เคลือบกันน้ำ หรือมีสแปนเด็กซ์ผสม ควรพิจารณาหลีกเลี่ยงหรือสอบถามกับทางโรงงานก่อน เพราะผ้าเหล่านี้มักเกิดปัญหาเมื่อสกรีนลงไป เช่น สีไม่ติด ผ้าไหม้จากความร้อน หรือหมึกแตกเมื่อผ้ายืดตัว
ในกรณีที่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดจากการทดสอบหรือการดูฉลาก อาจเป็นเพราะผ้าไม่มีป้าย หรือมีการผลิตเฉพาะโดยไม่มีข้อมูลทางเทคนิค สิ่งที่ควรทำต่อไปคือการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือโรงงานที่รับพิมพ์สกรีนโดยตรง เพราะผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะมีประสบการณ์ในการทำงานกับผ้าหลากหลายชนิด และสามารถทดสอบตัวอย่างเล็ก ๆ ให้ดูก่อนได้ว่าหมึกจะติดดีหรือไม่ พิมพ์แล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า หรือควรเปลี่ยนเทคนิคการพิมพ์ไปใช้แบบอื่น เช่น Heat Transfer, Sublimation หรือ Flex แทนการสกรีนแบบหมึกน้ำทั่วไป การได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญยังช่วยประเมินได้ด้วยว่าควรใช้หมึกประเภทไหน ความร้อนระดับใด และวิธีการอบแห้งอย่างไรเพื่อให้ลวดลายที่พิมพ์ออกมาสวยงามและติดทน
ผ้าแบบไหนสกรีนไม่ได้ ? กล่าวโดยสรุป
ผ้าที่ไม่เหมาะกับการสกรีน คือผ้าที่ ไม่สามารถดูดซึมหมึกได้ดี, มีความยืดหยุ่นสูง, หรือ มีผิวสัมผัสไม่เรียบ ซึ่งทำให้หมึกไม่สามารถเกาะติดได้อย่างถาวร ลวดลายอาจหลุดลอกหรือซีดจางได้ง่าย ตัวอย่างผ้าที่ไม่ควรใช้ ได้แก่
- ผ้าไนลอน (Nylon) ผิวลื่น หมึกไม่เกาะ
- ผ้ากันน้ำ/ระบายเหงื่อ มีสารเคลือบกันหมึก
- ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex) ยืดหดสูง ทำให้หมึกแตกร้าว
- ผ้าขนแกะ (Fleece) ผิวเป็นขน พิมพ์ไม่ชัด
- ผ้าเนื้อหนาแบบมีร่อง (Corduroy) ลายไม่เต็ม หมึกไม่ทั่วถึง
หากต้องการงานสกรีนเสื้อที่ชัดเจน ทนทาน และสวยงาม ควรเลือกผ้าฝ้าย 100% หรือ ผ้าผสมที่ไม่มีคุณสมบัติข้างต้นครับ แต่สำหรับเทคนิคงานสกรีนอื่นนอกเหนือจาก เทคนิคการสกรีนบล็อก (Silkscreen) คุณสมบัติของ ผ้าแบบไหนสกรีนไม่ได้ ? อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามเทคนิคงานสกรีนที่คุณเลือกใช้ แต่สำหรับงาน สกรีน DTG ผ้าที่เหมาะนำมาสกรีนจะมีแค่ ผ้าฝ้าย 100% เท่านั้น ส่วนเทคนิคการสกรีนแบบ DFT โดยส่วนใหญ่จะสามารถสกรีนได้กับผ้าเกือบทั้งหมด
อ้างอิงแหล่งข้อมูล
What fabric is not good for screen printing ?