สกรีน Discharge คืออะไร ?

สกรีน discharge

สกรีน discharge หรือ การสกรีนดิสชาร์จคืออะไร ? หากพูดถึงเทคนิคการสกรีนเสื้อที่ให้ลวดลายสวยงาม คมชัด และไม่หนาเป็นแผ่นแข็งแล้วละก็  สกรีนดิสชาร์จ คือ ตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้เลย การสกรีน Discharge เป็นเทคนิคที่ใช้หมึกพิเศษในการ “ดึงสีเดิมของผ้าออก” แล้วแทนที่ด้วยสีใหม่ ทำให้สีสกรีนซึมเข้าไปในเส้นใยผ้าโดยตรง เพื่อให้เห็นภาพง่าย ๆ เหมือนกับการกัดสีผมนั้นหละครับ ซึ่งงานสกรีนชนิดนี้ ส่งผลให้ลวดลายที่ได้มีความเนียนไปกับผ้า ไม่รู้สึกหนาหรือแข็งเหมือนการสกรีนพลาสติโซล อีกทั้งยังให้สีที่คมชัด สดใส และติดทนยาวนานเมื่อซักบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับผ้าฝ้าย 100% หรือผ้าสีเข้ม ดังนั้นเพื่อให้หลายท่านได้ทำความเข้าใจลึกขึ้นจึงสรุปได้ว่า สกรีน discharge คือ เทคนิคการสกรีน silk screen ขั้นสูงนั้นเอง เป็นเทคนิคการสกรีนที่ต้องอาศัยฝีมือ ความชำนาญและความอดทนสูงมาก แน่นอนว่าราคาสกรีนเสื้อด้วยเทคนิคนี้ก็จะแพงตามไปด้วย

การสกรีนดิสชาร์จคืออะไร ?

หลายคนอาจสงสัยว่า การสกรีนดิสชาร์จคืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยมในงานสกรีนเสื้อคุณภาพสูง คำตอบก็คือ “ดิสชาร์จ” (Discharge) เป็นเทคนิคการสกรีนที่ใช้หมึกพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติทำปฏิกิริยากับสีย้อมเดิมบนผ้า เพื่อดึงสีพื้นออกแล้วแทนที่ด้วยสีใหม่ตามที่ต้องการ กระบวนการนี้ทำให้สีซึมเข้าไปในเนื้อผ้าโดยตรง แตกต่างจากการสกรีนทั่วไปที่หมึกจะเคลือบอยู่บนผิวผ้า

ลักษณะของงานสกรีนดิสชาร์จจึงดูเป็นธรรมชาติราวกับเป็นส่วนหนึ่งของเส้นใยผ้า ไม่รู้สึกนูนหรือแข็ง และยังคงความนุ่มสบายเมื่อนำไปสวมใส่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ลายสกรีนคงทนต่อการซัก ไม่ซีดง่าย สีสดใสชัดเจนแม้ใช้กับผ้าสีเข้ม เช่น เสื้อคอตตอนสีดำหรือสีน้ำเงินเข้ม

ข้อดี สกรีนดิสชาร์จ

  • สีซึมเข้าผ้า ทำให้ลายดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนาแข็ง
  • ให้ความรู้สึกสวมใส่สบาย เนื่องจากผิวยังคงความนุ่ม
  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความพรีเมียม เช่น เสื้อวง เสื้อแฟชั่น หรือเสื้อแบรนด์

อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ก็มีข้อจำกัด เช่น ใช้ได้ดีกับผ้าฝ้าย 100% เท่านั้น และบางครั้งต้องใช้สารช่วยเร่งปฏิกิริยาเพื่อให้สีเด่นชัด ซึ่งอาจมีกลิ่นเฉพาะหลังสกรีนใหม่ ๆ

ข้อเสีย สกรีนดิสชาร์จ

แม้ว่า สกรีนดิสชาร์จ จะเป็นเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์สวยงาม ลายเนียนไปกับผ้า และให้ความรู้สึกพรีเมียม แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกงาน เพราะวิธีนี้มีข้อจำกัดและข้อเสียที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้ ดังนี้

  • ใช้ได้เฉพาะผ้าฝ้าย 100% เท่านั้น การสกรีนดิสชาร์จเหมาะกับผ้าคอตตอนแท้ เนื่องจากหมึกดิสชาร์จต้องทำปฏิกิริยากับสีย้อมผ้า หากเป็นผ้าที่มีส่วนผสมโพลีเอสเตอร์หรือใยสังเคราะห์สูง สีอาจไม่ติดหรือไม่ชัดเจน
  • สีไม่แม่นยำบนผ้าบางประเภท หากผ้าผ่านการฟอกหรือย้อมสีด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม สีที่ได้จากการดิสชาร์จอาจไม่ตรงตามที่ตั้งใจไว้ บางครั้งอาจซีดหรือไม่สม่ำเสมอ
  • ขั้นตอนการทำยุ่งยากกว่าแบบทั่วไป ต้องใช้หมึกและสารเคมีเฉพาะทาง รวมถึงกระบวนการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้ต้องอาศัยประสบการณ์ของช่างสกรีนมากกว่าวิธีพื้นฐานอย่างพลาสติโซล
  • มีกลิ่นเฉพาะจากสารเคมี หลังจากสกรีนใหม่ ๆ เสื้ออาจมีกลิ่นจากสารเคมีที่ใช้ในหมึกดิสชาร์จ ซึ่งแม้จะจางลงหลังซัก แต่ก็อาจสร้างความไม่สะดวกให้ผู้สวมใส่ในช่วงแรก
  • ไม่เหมาะกับงานด่วนหรืองบจำกัด เนื่องจากต้องใช้หมึกพิเศษและขั้นตอนละเอียดกว่า ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการสกรีนทั่วไป และใช้เวลาในการผลิตนานกว่า

โดยสรุป ข้อเสียของสกรีนดิสชาร์จ คือ ข้อจำกัดด้านชนิดผ้า ความยุ่งยากในการผลิต และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แต่หากงานต้องการความสวยงามเป็นธรรมชาติและคุณภาพที่เหนือกว่า ข้อจำกัดเหล่านี้ก็ถือว่าน่าลงทุน

สกรีนดิสชาร์จคืออะไร

สกรีน Discharge ต่างจากสกรีนอื่นยังไง ?

หลายคนที่เริ่มสนใจงานสกรีนเสื้ออาจสงสัยว่า สกรีน Discharge ต่างจากสกรีนอื่นอย่างไร เพราะปัจจุบันมีเทคนิคการพิมพ์หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น สกรีนพลาสติโซล, DTG, หรือ DTF ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป การเข้าใจความแตกต่างจะช่วยให้เลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับงานมากที่สุด

ตารางเปรียบเทียบข้อดี–ข้อเสีย: สกรีน Discharge, สกรีนพลาสติโซล, DTG/DTF

วิธีสกรีน ข้อดี ข้อเสีย
สกรีน Discharge
  • ลายซึมเข้าเนื้อผ้า ดูเป็นธรรมชาติและเรียบเนียน
  • สัมผัสนุ่ม ไม่รู้สึกหนาหรือแข็ง
  • สีติดทนเมื่อใช้กับผ้าฝ้าย 100%
  • เหมาะกับงานพรีเมียมและเสื้อแบรนด์
  • ใช้ได้ดีเฉพาะผ้าฝ้าย 100% เท่านั้น
  • กระบวนการและหมึกเฉพาะ ทำให้ต้องใช้ช่างมีประสบการณ์
  • อาจมีกลิ่นสารเคมีก่อนซักหลายครั้ง
  • ไม่เหมาะกับงานด่วนหรืองบจำกัด
สกรีนพลาสติโซล
  • สีสด คมชัด และให้ความคงทนสูง
  • ใช้ได้กับผ้าหลากหลายชนิด
  • เหมาะกับการผลิตจำนวนมากและงานทั่วไป
  • ต้นทุนต่อชิ้นต่ำเมื่อผลิตจำนวนมาก
  • ลายจะมีชั้นหมึก หนา และอาจรู้สึกแข็ง
  • เมื่อซักบ่อยบางครั้งอาจเกิดการแตกลายงา
  • ลดการระบายอากาศบริเวณลายเมื่อเทียบกับ Discharge
DTG / DTF
  • พิมพ์รายละเอียดสูง เหมาะกับภาพถ่ายและกราฟิกหลายสี
  • ไม่ต้องทำบล็อก เหมาะกับออเดอร์สั้นหรืองานสั่งทำ
  • ยืดหยุ่นในการออกแบบและปรับแต่งไฟล์ได้ง่าย
  • ความสัมผัสอาจหนากว่า Discharge เล็กน้อย
  • ต้นทุนต่อชิ้นสูงกว่าหากผลิตจำนวนมาก
  • ความทนทานขึ้นกับคุณภาพหมึกและกระบวนการเคลือบ/รีด
สกรีน discharge คือ

วิธีการทำสกรีน Discharge

เทคนิคการสกรีนดิสชาร์จถือว่าเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างสกรีนพอสมควร เนื่องจากต้องใช้หมึกและสารเคมีเฉพาะที่ทำปฏิกิริยากับสีย้อมผ้า การเข้าใจวิธีการและการเตรียมอุปกรณ์อย่างถูกต้อง จะช่วยให้งานออกมาคมชัด สีสด และติดทนตามที่ต้องการ

  • เลือกผ้าที่เหมาะสม ควรใช้ผ้าฝ้าย 100% และเป็นผ้าสีเข้ม เพราะจะเห็นความแตกต่างของลายที่เกิดจากการดึงสีเดิมออกได้ชัดเจน
  • เตรียมบล็อกสกรีน สร้างบล็อกตามลายที่ต้องการโดยใช้ฟิล์มและแสง UV เหมือนการทำบล็อกสกรีนทั่วไป
  • ผสมหมึกดิสชาร์จ นำหมึกพื้นฐานสำหรับ Discharge มาผสมกับผงสารช่วย (Discharge Agent) ตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตแนะนำ เพื่อให้เกิดปฏิกิริยากับสีย้อมผ้า
  • สกรีนลงบนผ้า ใช้บล็อกสกรีนและยางปาด (Squeegee) ปาดหมึกลงไปบนผ้าให้ทั่วลายอย่างสม่ำเสมอ
  • อบความร้อน (Curing) หลังจากสกรีนแล้วต้องใช้เครื่องอบความร้อนหรือ Heat Press เพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีกับสีย้อมผ้า ทำให้สีใหม่ติดแน่นและชัดเจน
  • ตรวจสอบคุณภาพ เมื่อผ่านกระบวนการแล้ว ให้ตรวจสอบความสม่ำเสมอของสี ความคมชัด และสัมผัสของลายว่าตามมาตรฐานที่ต้องการหรือไม่

 

อุปกรณ์และหมึกที่ใช้ในการสกรีน

  • บล็อกสกรีน (Screen Frame)>>> ใช้สำหรับถ่ายลายที่ต้องการลงบนผ้า
  • ยางปาด (Squeegee)>>> เครื่องมือสำคัญสำหรับปาดหมึกผ่านบล็อก
  • หมึก Discharge Ink>>> หมึกพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อดึงสีเดิมของผ้าออก
  • สารช่วย (Discharge Agent)>>> สารเคมีที่ทำให้เกิดปฏิกิริยากับสีย้อมผ้า ต้องผสมก่อนใช้งานจริง
  • เครื่องอบความร้อน (Heat Press หรือ Conveyor Dryer)>>> ใช้ความร้อนกระตุ้นปฏิกิริยาและทำให้หมึกติดทนถาวร
  • ผ้าฝ้าย 100% สีเข้ม: วัสดุที่เหมาะสมที่สุดกับการสกรีนดิสชาร์จ

การสกรีน Discharge เป็นวิธีที่ต้องอาศัยทั้ง อุปกรณ์เฉพาะ + ความรู้ด้านการผสมหมึกและการควบคุมความร้อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากขาดขั้นตอนใดไป งานอาจไม่สวยหรือสีไม่ติดทนเท่าที่ควร

การดูแลเสื้อที่สกรีนด้วยวิธี Discharge

แม้การสกรีนดิสชาร์จจะมีข้อดีคือ สีไม่หนาเหมือนหมึกพลาสติโซลและให้สัมผัสนุ่มสบายเหมือนสีผ้าเดิม แต่เสื้อที่ผ่านกระบวนการนี้ก็ยังต้องได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เพื่อคงความสวยงามและอายุการใช้งานของลายพิมพ์ให้ยาวนานที่สุด

การดูแลเสื้อที่ สกรีนด้วยวิธี Discharge เป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยรักษาคุณภาพของลายพิมพ์และความสวยงามของผ้าให้อยู่ได้นาน การซักถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ ควรเลือกซักด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้สีที่ถูกดึงออกแล้วเกิดการหมองเร็วขึ้น การใช้น้ำร้อนอาจทำให้สีที่อยู่ในเส้นใยผ้าถูกทำลาย ทำให้ลายสกรีนดูจางและไม่น่าดู การพลิกด้านในก่อนซักจะช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างลายสกรีนกับผ้าอื่น ๆ ในเครื่องซักผ้า ซึ่งจะช่วยป้องกันลายเกิดรอยขีดข่วนหรือหลุดลอกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผงซักฟอกสูตรอ่อนโยนและหลีกเลี่ยงสารฟอกขาวหรือน้ำยาที่มีฤทธิ์แรง เพราะอาจทำให้เนื้อผ้าและลายดิสชาร์จซีดเร็วกว่าปกติ สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความคมชัดและความสดใสของลายให้นานที่สุด การซักด้วยมือเบา ๆ ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะสามารถควบคุมแรงถูและแรงบิดได้อย่างเหมาะสม

การอบแห้งและการรีดก็เป็นส่วนสำคัญของการดูแลเสื้อ การตากเสื้อในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทสะดวกจะช่วยรักษาสีและผิวผ้า แสงแดดแรงอาจทำให้เนื้อผ้าหมองและลายสกรีนซีดเร็วกว่าปกติ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการตากกลางแดดจัด เครื่องอบผ้าก็ไม่ควรนำมาใช้เพราะความร้อนสูงเกินไปอาจทำให้ลายดิสชาร์จเสื่อมสภาพเร็ว การรีดเสื้อ หากจำเป็นควรพลิกด้านในและใช้ความร้อนระดับต่ำถึงกลาง เพื่อลดการสัมผัสโดยตรงกับลายและป้องกันไม่ให้ลายเสียรูปหรือสีกระจาย

การเก็บรักษาเสื้อก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน ควรเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้นเพื่อป้องกันเชื้อราบนเนื้อผ้า และหลีกเลี่ยงการพับทับลายบ่อย ๆ ควรพับให้เหลี่ยมผ้าอยู่ห่างจากตำแหน่งลาย หากเป็นเสื้อที่ต้องการเก็บสะสมหรือใช้งานระยะยาว การใส่ถุงซิปล็อกหรือแขวนไว้ในที่มิดชิดจะช่วยป้องกันฝุ่น ความชื้น และแมลง ทำให้เสื้อยังคงความสวยและคุณภาพของลาย Discharge อยู่ได้นาน

สกรีนเสื้อมีกี่แบบ ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *